20 ที่เที่ยวหน้าฝนฝนไทย ไปแล้วฟินแน่นอน
กระทู้รีวิว

........รวม ๆ 20 ที่เที่ยวหน้าฝน ที่ไปแล้ว...ชิลดีแน่ ๆ ฮะ .. บางสถานที่ต้องไปให้ถูกช่วง ถูกเวลาครับ ไม่ใช่ว่าจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ ..แต่ 20 ที่ที่ชิลดีรวบรวมมานี้ คือเหมาะกับการไปเที่ยวหน้าฝนเป็นที่สุดน่ะจ๊ะ... รวมภาพและข้อมูลมาฝาก ใครที่ชอบเที่ยวสัมผัสธรรมชาติป่าเขาน่าจะชอบแน่ ๆ ^^
1. นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่..

"บ้านป่าบงเปียง" ที่ตั้งของนาขั้นบันไดที่สวยงามสุด ๆ อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยวิวท้องทุ่งนาบนเนินเขาสูงบวกกับวิวเทือกเขาสลับซับซ้อน เกิดเป็นจุดชมวิวที่สวยงามน่าชมอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงฤดูฝน และปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงที่เหมาสมมากกับการมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ และความสวยงามของท้องทุ่งนาเขียวและเหลือง...
ปล.ช่วงเวลาหน้าเที่ยวชมที่สุดคือช่วง ก.ค - ต.ค
- ก.ค จะเป็นช่วงนาดำ ช่วงที่พึงเริ่มดำน้ำใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศช่วงดำนา วิถีชีวิตชาวบ้านและรอลุ้นแสงสะท้อนน้ำสวย ๆ ให้ไปช่วงนั้น
- กลาง ส.ค - ต้น ต.ค ช่วงนาเขียว เป็นช่วงที่ทุ่งนาเติบโตเขียวขจี มองดูแล้วสบายตา
- กลาง ต.ค - ต้น พ.ย ช่วงนาเหลือง เป็นช่วงที่รวงข้าวออกต้นเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พร้อมเก็บเกี่ยว ทุ่งนาจะเหลืองอร่ามสวยงามตอนที่ได้สัมผัสกับแสงแดด...


****การเดินทางเข้าไปยังบ้านป่าบงเปียง ค่อนข้างทุลักทุเลนิดหน่อย สามารถเข้าไปได้ 2 ทาง ทางแรกจาก ตัวเมือง อ.แม่แจ่ม ส่วนทางที่สอง จากยอดดอยอินทนนท์
- เส้นทางจากฝั่งดอยอินทนนท์ เมื่อขึ้นดอยอินทนนท์ขับไปเรื่อยๆ จนถึงด่านของอุทยานฯ จากนั้น เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกที่จะไป อ.แม่แจ่ม เส้นทางตรงนี้ถนนปกติแต่ทางจะแคบมากและโค้งเยอะ ขับกันช้า ๆ ไม่ต้องรีบน่ะครับ ขับเรื่อยๆไป 12 กิโลเมตร จะพบป้าย น้ำตกแม่ปาน เลี้ยวขวาลงไปตามป้ายจะผ่าน น้ำตกห้วยทรายเหลือง น้ำตกแม่ปาน และน้ำตกผาสำราญ เส้นทางจากตรงนี้ไปจะขรุขระมากต้องใช้รถ 4WD ของชาวบ้านเท่านั้น ระยะประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั่งรถผ่านหินดินโคลนเข้าไป เล่นเอาคลื่นไส้ได้เหมือนกันน่ะ แต่แค่อึดใจเดียวก็ถึงบ้านป่าปงเปียง หากจะติดต่อรถเข้า แนะนำติดต่อ พี่วิชัย เจ้าของบ้านพักในบ้านป่าบงเปียง โทร 081 -0201691 ถ้าไม่ถึง 10 คน 800 บาท 10 คนขึ้นไป 1,000 บาท หรือถ้าหากพักที่บ้านแม่กลางบนดอยอินทนนท์ สามารถติดต่อรถกระบะนำเที่ยวพี่ บ้านแม่กลางหลวง 085 723 4957 ราคา 1500 บาท
-เส้นทาง2 ขึ้นจากฝั่งตัวเมืองแม่แจ่ม เส้นทางจะดีกว่า มาถึงที่ว่าการอำเภอแม่แจ่มให้เลี้ยวขวา จะพบ 7-11 อยู่ฝั่งขวามือ ให้ตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือไปยังวัดพุทธเอิ้นและนาขั้นบันไดบ้านกองกาน ให้ตรงไปจะพบบ้านต่อเรือมุ่งตรงไป ประมาณ 10 กิโล จะมาถึงบ้านทุ่งยาวขับตรงไป สังเกตุคือหลักกิโลแม่นาจร 16 เลี้ยวขวาจะเจอวัดทุ่งยาวให้เลี้ยวซ้าย เข้ามาประมาณ 1 กิโลจะเจอหมู่บ้านแม่มิงค์ สังเกตุป้ายเล็กๆจะบอกว่าไป ร.ร.อินทนนท์วิทยาเลี้ยวขวาจะพบหน่วยจัดการต้นน้ำ แม่อวม และก็จะมาถึงบ้านป่าตึงให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนทางลาดยางจะสิ้นสุดตรงนี้ ชับตรงไปประมาณ 1 กิโลจะพบทางแยก ทางซ้ายไปบ้านตีนผา ส่วนทางขวาไปบ้านป่าบงเปียง หากพักที่ อ.แม่แจ่ม ก็สามารถติดต่อเหมารถสองแถวเหลืองจาก อ.แม่แจ่ม ขึ้นมาได้ แต่จะได้ชมบรรยากาศแค่ช่วงเย็นเท่านั้น9
..อำเภอแม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน...
...หนึ่งดินแดนที่ต้องไปเยือนในหน้าฝน.... "อำเภอแม่ลาน้อย" ๆ อยในหลวง ทั้งการปลูกผักปลอดสารพิษ (ผักอร่อยมาก) นาข้าวสวย ๆ ที่ควรไปเก็บภาพ และพืชผักผลไม้ต่าง ๆ ที่สามารถปลูกได้ในที่สูง... แนะนำให้ไปลองกัน... ในตัวเมืองแม่ลาน้อยมีที่พักชิล ๆางทุ่งนาเหมาะกับการไปพักผ่อนมากอย่าง "เฮินไต รีสอร์ท"
...ที่นี่มีความสบายตา และอากาศที่ดีตลอดปี.... หยาดฝนที่โปรยปราย สร้างความเขียวขจีให้กับทุาเขา ละเกิดเป็นสายหมอกบางเบาลอยเอื่อย ๆ อยู่บนฟ้า .... คือได้ไปยืนมองอยู่ตรงนั้น.. ก็มีความสุขแล้ว...
ปล.ช่วงเวหมาะสมสำหรับการไปเที่ยวชมนาขั้นบันไดบ้านแม่ลาน้อย คือช่วง ก.ค - ต.ค ครับ
นาขั้นบันได ณ โครงการหลวงแม่ลาน้อย
เฮินไตรีสอร์ท แม่ลาน้อย ที่พักท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี
4 สิงหาคม 2559 เวลา 12:31 น.
อีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าหน้าฝน... "น้ำตกรูปหัวใจปิตุโกร" หรืออีกชื่อหนึ่งว่า "เปรโต๊ะลอซู" และพิชิตยอดดอยมะม่วงสามหมื่น ชมวิวผืนป่าตะวันตกสุดกว้างไกล ณ อ.อุ้มผาง จ.ตาก อีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวหน้าฝนที่จะทำให้เพื่อน ๆ ประทับใจไม่รู้ลืมเลยฮะ...
...ปิตุโกร...เป็นทริปสำหรับขาลุย ขาเลอะ ขารักธรรมชาติ ไม่เหมาะสำหรับคนรักสบาย... ไปที่นี่ร่างกายและจิตใจต้องพร้อมไปด้วยกันน่ะครับ... เพราะต้องเดินเท้าเข้าไปอาศัยกินนอนอยู่ในป่า 3 วัน 2 คืน ต้องเป็นคนที่กินง่าย นอนง่าย ขับถ่ายง่าย หรือถ้าไม่เป็น ก็ต้องหัดไว้ให้ชินฮะ มือใหม่ที่ไม่เคยเดินป่าเลยก็ไปได้ แต่ต้องฟิตร่างกายมาให้พร้อมจริง ๆ ต้องแบกของเองบางส่วนด้วย เพราะลูกหาบที่นี่มีน้อยมาก การจะไปที่นี่เองนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากและไกล ต้องอาศัยคนนำทาง และคนจัดการให้เราฮะ... เอาง่าย ๆ เริ่มจากเดินทางมายังตัวเมือง อ.อุ้มผาง ให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยใช้บริการนำเที่ยวของชาวบ้าน อ.อุ้มผาง ก็มีอยู่ไม่กี่เจ้าฮะ...
ที่ชิลดีเคยใช้และแนะนำเลยว่าเจ๋ง บริการดี อาหารอร่อย คนนำทางนิสัยดี เฮฮาปาจิงโกะมาก มีอยู่ 2 เจ้าคือ
- คำสิงห์โฮมสเตย์ 081-8139742
- ตูกะสู คอทเทจ โทร 055 - 561295, 081-8258238 หรือ www.tukasu.net
ปล.ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการเที่ยวที่นี่คือ ก.ค - ต.ค ยิ่งช่วงที่ฝนตกชุก ก็ยิ่งเห็นรูปหัวใจได้ชัดเจนขึ้น... เตรียมเสื้อกันฝน เสื้อผ้าที่แห้งง่าย ๆ ติดไปเลยฮะ แล้วก็กล้องกันน้ำ อุปกรณ์กล้องที่ไม่ควรโดนน้ำควรป้องกันดี ๆ เลย ยังไงก็ชุ่มฉ่ำแน่นอน เอิ๊ก ๆๆ...
ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น
.... ภูทับเบิกดินแดนที่หลาย ๆ คนบอกว่ามันเละแล้ว... ช่ายฮะ...มันเละจริง ๆ "ถ้า"...ไปช่วงฤดูหนาวน่ะ นักท่องเที่ยวจะแห่กันไปนอนกางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวเย็น กินหมูกระทะ แล้วก็กลับ... หลายคนจะไม่ค่อยสนใจอยากมาเที่ยวหน้าฝนเท่าไหร่ เพราะกลัวฝน กลัวไม่มีไรทำ หารู้ไม่ว่า... ที่จริงแล้วภูทับเบิกหน้าฝนเนียแหละน่าเที่ยวที่สุดแล้ว... มันก็ไม่มีไรมากหรอก นอกจากอากาศเย็น ๆ สบาย ๆ ไม่หนาวไป นักท่องเที่ยวก็น้อยมาก ๆ ไม่ต้องมีใครมาแย่งพื้นที่ถ่ายรูป แย่งกินข้าว แย่งที่จอดรถ ค่าที่พักก็ถูกกว่าฤดูหนาวครึ่ง ๆ และไฮไลท์สำคัญของฤดูฝนคือการไปลุ้นชมทะเลหมอกตอนเช้า ๆ เนื่องจากหน้าฝนมีความชื้นมากจึงมีโอกาสพบเจอหมอกสวย ๆ มากกว่าฤดูไหน ๆ แต่จะเจอสวยอย่างที่เราตั้งความหวังไว้หรือเปล่านั้น อันนี้ต้องไปลุ้นเอาฮะ55+ เพราะอาจจะไม่ได้มีทุกวัน...อย่าลืมพกดวงไปด้วย...
... แต่ที่แน่ ๆ ภาพถ่ายทุกภาพในโพสนี้คือภาพที่ถ่ายจากฤดูฝนทั้งนั้น ไม่ได้ถ่ายจากวันเดียวกันทั้งหมด คือไปมาหลายรอบตั้งแต่ มิ.ย - ต.ค ยืนยันได้ว่าฤดูฝนมันฟินประมาณนี้น่ะ...ไปทุกรอบเจอหมอกทุกรอบ เพียงแต่เจอมาก เจอน้อยแตกต่างกันไปฮะ เหมาะสำหรับคนอยากไปนอนชิล ๆ หายใจทิ้ง หนีความวุ่นวายจากในเมือง... ชิลดีแนะนำสำหรับคนอยากไปพักผ่อนน่ะจ๊ะ...
...อีกหนึ่งน้ำตกที่ยิ่งใหญ่และอลังการสุด ๆ ของเมืองไทย คือใครที่ได้ไปเยือน ไปเห็นด้วยตา พอได้ไปน้ำตกอื่นในเมืองไทยแล้ว จะรู้สึกธรรมดามาก 55+ คือมันยิ่งใหญ่สวยงามจนอยากหยุดเวลาไว้เลย... แต่กว่าจะได้ไปเห็นมันก็ทุลักทุเลมาก ๆ เหมือนกัน ... ต้องนั่งรถฝ่าฝันโค้ง 1,819 โค้ง ที่ชวนอ๊วกสุด ๆ เข้าไปยัง อ.อุ้มผาง อำเภอที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองจังหวัดที่สุดในประเทศไทย จากนั้นต้องนั่งเรือยางผ่าลำน้ำแม่กลองเข้าไปอีก 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีก 11 กิโลแม้ว เดินขึ้นลงเขา 3 ลูก คือเป็นอะไรที่บุกบันมาก แต่พอไปถึงคุณจะลืมความเหนื่อยไปเลย ... ปล. แต่ช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือน พ.ย เค้าจะเปิดเส้นทางให้รถ 4WD ชาวบ้านเข้าถึงที่ทำการอุทยานฯ ได้แล้ว ... ใครขาลุยจัดไป แต่ถ้าใครอยากสบาย ๆ หน่อยไม่ต้องเดิน ก็เดือน พ.ย ครับ
ช่วงเวลาหน้าเที่ยวคือ ต.ค - พ.ย คือเป็นช่วงที่ฝนเริ่มตกน้อยแล้ว จะได้เห็นน้ำตกใส ๆ และน้ำไม่แรงมาก อากาศเย็นสบาย
การเดินทาง
รถยนต์
จากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน)เดินทางสู่ จ.ตาก โดยก่อนถึงตัวเมืองตาก 7 กม.ให้เลี้ยว ซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 5(ตาก-แม่สอด) สู่ อ.แม่สอด ในระยะทาง 86 กม. แล้วก็จะเจอทางหลวงหมายเลข 1090 สุดทางสาย 1090 ที่อุ้มผาง เส้นทางจากแม่สอดไปอุ้มผาง เป็นเส้นทางลอยฟ้า ระยะทาง 169 กม. มีโค้ง 1219 โค้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง คนขับควรมีฝีมือในการขับรถที่ชำนาญพอสมควร ในการผ่านพ้นจากเส้นทางนี้ เส้นทางแคบและคดเคี้ยวไปตามไหล่ เขา
รถประจำทาง
นั่งรถจากสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ สายกรุงเทพ- แม่สอด ไปต่อรถเพื่อไปยังอำเภออุ้มผาง 120 บาทต่อคน โดยรถสองแถวจาก อ.แม่สอด ไปยังอุ้มผาง เที่ยวแรก 07.00น. ออกชม.ละคัน เที่ยวสุดท้ายเวลา 15.00 น.
สังขละบุรี...ชิลดี...
....ช่วงบรรยากาศต้นฝนแบบนี้ อากาศดีไม่ค่อยร้อน ป่าเขาเริ่มเขียวขจีเพราะฝนที่เริ่มตกตามฤดูกาล และไฮไลท์ของช่วงนี้คือวัดวัดวังก์วิเวการาม (เก่า)ที่เคยจมน้ำไปเมื่อช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาว โผล่มาให้เฉยชมทั้งโบสถ์ หอระฆัง และยังมีทุ่งหญ้าเขียวขจีขึ้นปกคลุมบริเวณวัด ทำให้ดูสวยงาม สบายตาเข้าไปอีก...
..ลองมาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ และไอหมอกหน้าฝนดูน่ะครับ ^^ ..
..บ้านทะเลหมอกภูลังกา จ.พะเยา...
..คิดถึงหน้าฝน ได้เวลาล่าทะเลหมอกกันแล้ววว ^^ ...
บ้านทะเลหมอกภูลังกา อีกหนึ่งที่พักชิล ๆ ง่าย ๆ บ้าน ๆ มีระเบียงบ้านวิวดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา
: ติดต่อสอบถามได้ที่ พี่นัท 081-921-5799
.เขื่อนเชี่ยวหลาน... ฤดูไหนก็ชิลดี... ^^
...หลายคนสนใจอยากไปที่นี่ และหลายคนเคยถามผมว่า ช่วงไหนสวยที่สุด..? ... สำหรับการไปเยือนที่นี่เป็นสิบ ๆ ครั้ง.... ไปมาทุกฤดูแล้ว... บอกได้เลยว่าที่นี่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ด้วยความที่สภาพอากาศแปรปรวนไม่แน่นอน ทำให้สามารถเกิดฝนตกได้ทุกฤดู.... แต่ฤดูฝนจกตกชุกกว่าปกติเท่านั้นเอง.....ถ้าวันไหนฝนไม่ตก กลางวันก็ร้อน กลางคืนอากาศเย็นสบาย ส่วนหมอกตอนเช้ามีให้ชมทุกวัน อยู่ที่จะมากหรือน้อย.... ไม่สามารถบอกได้เลยว่าช่วงไหนสวยที่สุด หลายคนเลือกไปหน้าฝน เพราะคิดว่าหมอกอาจจะสวยที่สุด แต่บางทีไปช่วงหน้าฝน แล้วฝนไม่ตก 2 - 3 วัน ก็เคยเจอมาแล้วครับ ... สรุปแบบบ้าน ๆ ว่าไปฤดูไหนก็ได้แล้วแต่ดวงครับ ธรรมชาติไม่มีอะไรแน่นอน... พาตัวและใจไปอยู่ตรงนั้นก่อน... ที่เหลือให้ธรรมชาติได้สร้างสรรค์... ^^
สนใจสอบถามการเดินทาง ราคาที่พักหรือแพ็คเกจเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานได้ที่ พร-ฤทธิ์ ทัวร์(บริการนำเที่ยว กุ้ยหลินเมืองไทย เขื่อนเชี่ยวหลาน) 083-638-3861,090-171-8389
...หนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย... แอดมินจัดให้เป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ที่เคยไปเยือนมา ด้วยวิวด้านบนที่เปิดกว้าง 360 องศา มีภูมิประเทศที่สวยงาม สนเขาที่คาบกันระหว่างฝั่งไทยและลาว สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น - ตก ไฮไลท์ของที่นี่คือตอนเช้า ทะเลหมอกจะขึ้นมาเต็ม ๆ จากฝั่งลาว ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง ก่อเกิดเป็นไอหมอกยามเช้าทุกวัน... จะมีมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ล่ะวัน ต้องไปวัดดวงกันครับ แต่ถ้าโชคดีหมอกมาฟ้าเปิด จะเจอทะเลหมอกอลังการณ์แบบนี้เลยจ้า ...ฟินสุด ๆ
- ผาตั้ง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่ง ของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผา สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,635 เมตร ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต "ภูชี้ฟ้า" ประมาณ 30 ก.ม.
- ผาตั้ง มีจุดชมวิวหลายจุด มีหลายมุมให้เก็บภาพสวย ๆ คนชอบถ่ายภาพไปแล้วฟินแน่ ๆ แล้วก็คงปวดหัว เพราะไม่รู้จะเลือกมุมไหนดี เพราะมีให้เก็บมุมสวย ๆ หลายจุด และแต่ล่ะจุดก็อยู่ห่างกันพอสมควร ต้องเดินไป เช่น จุดชมวิวผาบ่องประตูสยาม /จุดชมวิวช่องผาขาด /จุดชมทะเลหมอกเนิน 102 / จุดชมทะเลหมอกเนิน 103 ..... แต่ล่ะมุมสวยงามแตกต่างกันไป จุดที่ไกลสุดคือ เนิน 103 ต้องเดินจากจุดจอดรถไป 1 กิโลเมตร ขึ้นเนินชันบางจุด เรียกเหงื่อได้ไม่เบาทีเดียว แต่คุ้มมาก เชื่อเหอะ...
- การเดินทาง ใช่ เส้นทางเชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-บ้านต้า (ทางหลวงหมายเลข 1233, 1173 และ 1152) 50 กิโลเมตร บ้านต้า-บ้านท่าเจริญ (ทางหลวง 1020) 45 กิโลเมตร บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด (ทางหลวง 1155)17 กิโลเมตร และปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กิโลเมตร ผาตั้งจะอยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต "ภูชี้ฟ้าประมาณ 30 กิโลเมตร " แล้วเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว 103 สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน บนดอยผาตั้งมีที่พัก สถานที่กางเต็นท์และร้านอาหาร สามารถไปเที่ยวได้ตลอดปี หรือใครจะหาที่พักชิล ๆ วิวดี ๆ ก็มีแนะนำหลายที่ครับ
-ที่พักแนะนำวิวดี ราคาเบา ๆ อาหารอร่อย ๆ
ผาตั้งฮิลล์ รีสอร์ท โทร 083 7824433
บ้านกาแฟ โทร 08 4894 1608
ร่มฟ้าสยามฮิลล์ โทร 089 851 8743
ปล.สามารถเที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงที่นิยมเที่ยวที่สุดคือช่วงฤดูหนาวของทุกปี อากาศจะหนาวเย็นมาก เหมาะสำหรับคนชอบไปเที่ยวสัมผัสอากาศบนยอดดอย... แต่หน้าฝนจะได้ความฉุ่มช่ำเขียวขจีมาแทน ต้องเลือกไปสัมผัสดูครับ... ^^
.. เขากาโรส ปริศนาแห่งหุบผาปีศาจ จ.กระบี่ ไปหน้าฝน ก็ชิลดีน่ะ ^^...
เกาะกาโรส หรือ เขากาโรส ตั้งอยู่ที่ ตำบลอ่าวลึกน้อย อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์ของจังหวัดกระบี่ มีลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตา มีทั้งป่าชายเลน แม่น้ำลำคลอง เวิ้งอ่าว เทือกเขาหินปูน หลากหลายทัศนีภาพของธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
... การมาเยือนที่เขากาโรสแห่งนี้ต้องนั่งเรือหัวโทง จากท่าเรือบ้านควนโอ เพื่อออกเดินทางสู่ท้องทะเล โดยจะมีพี่คนพายเรือเป็นไกค์พาเราไปชมไฮไลน์สำคัญในแต่ล่ะจุด ใช้เวลาในการนั่งเรือชมเกาะกาโรสประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ขอบอกว่าเป็น 2 ชั่วโมงที่งดงามและตื่นตาจนรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน ใครที่ชอบถ่ายภาพรับรองว่าเพลิดเพลินสุด ๆ... ถึงแม้ว่าการมาเยือนเขากาโรสครั้งนี้จะมาในช่วงหน้าฝน ซึ่งระหว่างที่ล่องเรือฝนฟ้าจะไม่เป็นใจ ทำให้เราอดได้ภาพฟ้าสวย ๆ น้ำทะเลใส ๆ แต่กลับได้สัมผัสบรรยากาศที่หาพบได้อยาก ณ เขากาโรสแห่งนี้ ซึ่งหลังจากที่ฝนตกไปได้พักใหญ่ ก็เกิดไอหมอกขึ้นปกคลุมยอดเขา ท่ามกลางฝนตกพรำ ๆ นั่งเรือชมธรรมชาติอากาศเย็นสบาย มาเที่ยวกระบี่ช่วงหน้าฝน ก็มีอะไรดี ๆ ให้ชมเหมือนกันน่ะ...
การเดินทาง จากตัวเมืองกระบี่ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณ 45 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงชนบทหมายเลข 4039 ประมาณ 14 กิโลเมตร สุดท้ายจะถึงท่าเรือบ้านแหลมสัก
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวเขากาโรส : ปลายเดือนพฤศจิกายน - พฤษภาคม เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับชมได้ตลอดทั้งวัน เวลาที่เหมาะกับการถ่ายภาพคือช่วงเช้า เวลา 06.00 - 09.00น. และ ช่วงเย็น 15.00 - 17.00น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานกระบี่ โทร 0 7562 2163,0 7561 2811-2
...เข้าสู่เดือนหก ช่วงเวลาของหน้าฝนตามฤดูกาลเมืองไทยแล้วฮะ.. ชิลดีเลยมาแนะนำที่เที่ยวหน้าฝนชิล ๆ สวย ๆ เดินสบาย สัมผัสธรรมชาติ ป่าเขาเขียวขจี จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เหมาะสำหรับคนชอบน้ำตก และอยากสัมผัสความเขียวขจีของป่าไม้ สูดโอโซนบริสุทธิ์ได้เต็มปอด ระยะทางเดินก็ไม่ใกล้ ไม่ไกลเท่าไหร่ พอเรียกเหงื่อได้ดีเหมือนกัน 3 กิโลกว่า ๆ จากทางเดินลงไปยังน้ำตกจนสิ้นสุดที่หมู่บ้านแม่กลางหลวง ตลอดทางเดินจะเป็นทางลงชันบ้างสลับทางราบ ไม่ถึงกับชันมาก จุดที่ชัน ๆ เค้าก็ทำบันไดไม้ไว้ให้เราเดินได้สะดวก แต่ทางบางจุดอาจจะเละเป็นโคลนบ้าง ถ้าไปช่วงที่ฝนตกหนักถี่ ๆ กัน แต่ก็เดินได้สบาย ถ้าใส่รองเท้าดอกยางลึก ๆ หน่อย
*** ช่วงเวลาหน้าเที่ยว มิ.ย - พ.ย เป็นช่วงที่มีน้ำเยอะพอสมควรให้เราได้ถ่ายน้ำตกสวย ๆ ได้ แค่ก่อนไปควรเช็คสภาพอากาศดี ๆ ถ้าเกิดเป็นช่วงที่พายุเข้าฝนตกทั้งวัน ทั้งคืนก็ไม่ควรเข้าไป เพราะอาจเจอน้ำป่าได้ แต่ถ้าไปช่วงที่ฝนตกปกติทั่วไป ปลอดภัย 100% ฮะ
***กฎของการเที่ยวชมน้ำตกรักจัง เราต้องไปติดต่อไกค์นำทางที่หมู่บ้านแม่กลางหลวงก่อนเข้าน่ะครับ เค้าไม่อนุญาตให้เราเข้าไปเอง อาจจะหลงทางได้หรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ค่าจ้างไกค์ชาวบ้านท้องถิ่นคนล่ะ 200 บาท แต่ถ้าใครที่เป็นช่างภาพ อยากได้รูปสวย ๆ จะจ้างพี่ ๆ ชาวเขาใส่ชุดท้องถิ่นแล้วไปยืนเป็นแบบด้วยก็ได้ ราคาค่าตัวเท่าไหร่ตกลงกันเองเด้อ... ^^
**** ที่นี่เข้าได้ 2 เส้นทาง จากทางหมู่บ้านแม่กลางหลวง และ จุดเดินลงถนนข้างทางขึ้นดอยอินทนนท์ แนะนำควรใช้เส้นทางเดินลงดีกว่า จะไม่เหนื่อยมาก ถ้าเดินขึ้นจากหมู่บ้านเลย จะต้องเดินขึ้นเนินเยอะมากครับ ^^
....ที่สุดของการได้พบเจอทะเลหมอกครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ลงบันทึกไว้ นั้นคือที่ภูชี้ฟ้า ประมาณต้นเดือน ธ.ค 2014 ในช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ก่อนวันไปมีพายุเข้า ทำให้เกิดฝนตกหลงฤดูอยู่ 2 - 3 วัน แล้ววันที่เราไปถึง พายุออกฝนหยุดฟ้าเปิดพอดี ... ทำให้เราได้สัมผัสกับความอลังการงานสร้างของทะเลหมอกแบบที่ไม่เคยเห็นหนาแน่นเต็มตาและยาวนานแบบนี้มาก่อน ถ้าเราไปเร็วกว่านี้ 1 วัน เราก็คงได้เจอกับหมอกฟุ้ง ๆ ขาวโพลน มองไม่เห็นวิว หรือถ้ามาช้าไป 1 วัน ทะเลหมอกก็คงมีแต่ไม่หนาแน่นขนาดนี้... ดวงนั้นสำคัญยิ่งนัก... ไปที่นี่มา 5 รอบ เจอทะเลหมอกสวย ๆ ทุกรอบ แต่รอบนั้นสวยงามที่สุดจริง ๆ
.... หน้าฝนนี้ก็น่าไปโดนดูน่ะ ลองไปสัมผัสดูครับ...
ปล. ไปเที่ยวไหนอย่าลืมพกดวงไปด้วยน่ะแจ๊ะ..
...อีกหนึ่งดอยที่กำลังจะปิดภูพักฟื้นในช่วงหน้ามรสุมอีกครั้ง...ในวันที่ 1 มิถุนายน 2559 หลังจากที่เปิดภูให้นักท่องเที่ยวนับหมื่น นับแสนคนขึ้นไปพิชิตในปีที่ผ่านมา... ส่วนตัวผม "นายชิลดี" ก็ได้มีโอกาสไปเยือนเหมือนกันในปีนี้ แต่ก่อนหน้านั้นก็ขึ้นไปพิชิตประมาณ 3 รอบแล้ว แต่ทุกรอบที่ไปก็ไปช่วงฤดูหนาว กลาง ๆ ธ.ค ช่วงที่ใบเมเปิ้ลแดง.. แต่ปีนี้ได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสช่วงฤดูฝนบ้าง ประมาณต้น ๆ เดือน ต.ค ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่พึงเริ่มเปิดภูใหม่ ๆ ก่ะว่าจะไปลุ้นล่าทะเลหมอกสวย ๆ กับน้ำตกงาม ๆ น้ำเยอะ ๆ (เพราะฤดูหนาวไม่ค่อยมีน้ำ) จัดทริปกันไปหารเฉลี่ยกับเพื่อน ๆ นักเดินทางที่ต่างคนต่างมา ต่างเหตุผล ต่างอารมณ์และเป้าหมาย...
... ภูกระดึงหน้าฝน เป็นอะไรที่แตกต่างกับฤดูหนาวอย่างสิ้นเชิง ทั้งทางขึ้นที่ลื่นมาก ๆ จากฝนที่ตกลงมาเรื่อย ๆ ทำให้ทางเดินลำบากกว่าหน้าหนาวเยอะ ... ต้องเจอกับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน... ก็คิดแล้วว่าต้องเจอกับสภาพอากาศแบบไหน และไม่ค่อยได้กังวลเท่าไหร่ แต่พอขึ้นไปดันมรสุมเข้าพอดี ฝนตกทั้งวันทั้งคืนไม่หยุด ตกหนักสลับเบาไปทั้งวัน คือเปียกอับชื้นตลอดทริป... และเนื่องจากฝนที่ตกทั้งวัน ทำให้ทางเดินข้างบนเต็มไปด้วยโคลนทำให้เราเหนื่อยคูณสอง คือเราต้องเดินลุยโคลน 9 กิโลเมตรเพื่อไปยังผาหล่มสักและต้องเดินกลับในวันเดียว... ความเปียกกับความเหนื่อย ไม่อาจทำให้เราท้อได้เลย... นอกจากอภิมหา "น้องทาก" ตัวเล็กตัวน้อยที่มีทุกหย่อมหญ้า คือไม่เคยเจอทากเยอะขนาดนี้มาก่อน... ทำให้หลาย ๆ คนหลอนไปตาม ๆ กัน.. รวมทั้งผมด้วย5555+... แต่ถ้าเราป้องกันอย่างดีมีถุงกันทาก มียาฉีดกันทาก ก็ช่วยได้เยอะครับ..
....สิ่งที่ได้สัมผัสจากการเที่ยวภูกระดึงในหน้าฝน คืออากาศที่สดชื่น ความเงียบสงบไม่วุ่นวาย คือเป็นครั้งแรกที่เดินไปผาหล่มสักแล้วไม่มีใครเลย ไม่ต้องรอคิวต่อแถวถ่ายภาพมุมมหาชน ไม่ต้องเร่งรีบ นั่งชิล ๆ ดูวิวไป แม้จะฝนตก แสงไม่สวยเหมือนทุกที แต่มองดูแล้วสบายตาโคตร... และหน้าฝนก็ยังมีหมอกฟิน ๆ สวย ๆ ลอยเฟร้งฟร้างอยู่บนอากาศให้เราได้เฉยชมตลอดทั้งวัน...
....อีกหลายอย่างมากมายที่ยังไม่ได้สัมผัสบนภูแห่งนี้... สำหรับคนรักเขา มากี่ทีก็ไม่เบื่อจริง ๆ ...
ปล. ทิ้งท้ายฮะ... "ไม่เอากระเช้าน่ะ"
อีกหนึ่งเมืองที่ใคร ๆ ไปก็หลงรัก.... เมืองที่อบอวลไปด้วยหมอก และวัฒนธรรม ผู้คนน่ารัก นิสัยดี มีแหล่งท่องเที่ยวชิล ๆ สวย ๆ เต็มไปหมด ... น่าฝนอากาศดี ป่าไม้เขียวชจีและหมอกสวยเยอะกว่าฤดูหนาว ...อากาศเย็นสบาย.... น่านจึงเหมาะที่จะเป็นอีกหนึ่งจุดไม้ในหน้าฝนของนักเดินทางน่ะครับ ^^ ..
เขาหงอนนาค จ.กระบี่.. ชิลดี....
อีกหนึ่งจุดชมวิวแดนใต้ที่จัดว่าเด็ดเลยทีเดียว บอกเลยว่าสวยเกินบรรยาย.... ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 2 - 3 ชั่วโมงแล้วแต่ความฟิตของแต่ล่ะคน ชันเอาเรื่องเลยทีเดียว สามารถไปกลับได้ในวันเดียว แต่แนะนำว่าควรขึ้นไปนอนรอข้างบนแสงเช้าสวยมากครับ..... กระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลน่ะจ๊ะ
ติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาหงอนนาค หาดทับแขก กระบี่ พี่สมพร 061 - 2615278...
หากใครจะขึ้นไปนอนค้างข้างบน ที่นี่ลูกหาบมีน้อยมาก ข้างบนก็มีแหล่งน้ำที่ใช้ทานและทำอาหารได้ แต่มีพื้นที่จำกัด กลางได้ไม่กี่จุดน่ะครับ
หมู่บ้านที่เค้าเล่ากันว่าอากาศดีที่สุดในเมืองไทย... หลายปีที่ผ่านมาเค้าว่าคีรีวงเปลี่ยนไป...จากความเจริญที่เข้ามาเรื่อย ๆ ...ถามว่าตอนนี้คีรีวงมีอะไร ?... ก็ไม่มีไรมากน่ะ นอกจากป่าเขา สายน้ำ อากาศร้อน ๆ ตอนกลางวัน อากาศเย็น ๆ ในตอนกลางคืน อากาศดี ๆ ในตอนเช้า ๆ แสงสวย ๆ ในตอนเย็น ๆ .... เหมาะกับการไปพักผ่อนแบบว่าไม่ต้องคิดอะไร ไปนอนชิล ๆ หายใจทิ้ง..... ใครอยากไปแล้วเน้นกิจกรรมมากมาย... แนะนำไปที่อื่นฮะ... ที่นี่เค้ามา "กิน นอน เดิน ปั่น "....
เข้าหน้าฝนแระ อีกหนึ่งจุดลุ้นถ่ายทะเลหมอกสวย ๆ อีกที่ ณ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ... ถ่ายจากจุดชมวิวร้านกาแฟ Pino Latte พีโน่ ลาเต้ ต้องไปแต่เช้าเลยฮะ ไปรอแต่ตี 5.30 กำลังดี ถ้าเช็คสภาพอากาศว่าวันนี้ฝนตกและพรุ่งนี้เขาค้ออากาศเปิด สำหรับคนที่อยู่ใกล้ ๆ ควรรีบไปเลยจ้า เจอทะเลหมอกฟิน ๆ แน่นอน... (แต่มันยากตรงที่รอลุ้นเนียแหละ55+) แต่ไปเหอะ จะเจอไม่เจอทะเลหมอกสวย ๆ ก็ไม่เป็นไร ยังไงตอนเช้าข้างบนก็อากาศดีแน่นอน... แค่ไปนั่งมองวิวหายใจทิ้งก็ฟินแล้ว...
ปล. ภาพบรรยากาศเมื่อเดือน ก.ย ปีที่แล้วจ้า.
...ระยะเพียง 300 เมตร บนสะพานไม้และสิ่งแวดล้อมสีเขียวขจี พร้อมกับความชุ่มฉ่ำของหยดน้ำฝนและไอหมอกจาง ๆ ที่มีอยู่ตลอดเวลา... อากาศที่เย็นสบายตลอดปี บนยอดดอยอินทนนท์ ทำให้ที่นี่เหมาะมากกับการมาพักปอด...
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป ตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน รถที่นำขึ้นไปจะต้องมีสภาพดี
รถโดยสารประจำทาง
นั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองบริเวณประตูเชียงใหม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหารหรือที่น้ำตกแม่กลาง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 31 และหมู่บ้านใกล้เคียงแต่หากต้องการจะไปยังจุดต่าง ๆ ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 - 1500 แล้วแต่ระยะทางและแหล่งท่องเที่ยวว่าจะพาเที่ยวไหนบ้าง..
ฝากเพจหน่อยน่ะจ้า ไปติดตามกันบ้างไรบ้าง^^ https://www.facebook.com/chillDThailand/
ส่วนอันนี้เพจส่วนตัว^^ https://www.facebook.com/moomor
CR..
4 สิงหาคม 2559 เวลา 15:17 น.